ก๊วนซอฟท์แวร์ </softganz> SoftGang (Gang Software)

Web &amp; Software Developer Gang.

603 items|« First « Prev 10 11 (12/61) 13 14 Next » Last »|
โดย Little Bear on 15 เม.ย. 58 11:11

ข่าวจาก Blognone เรื่องปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของแอพบน Android เป็นปัญหาเรื้อรังของโลก Android มานาน กูเกิลจึงพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเปิดคอร์สออนไลน์เพื่อสอนเทคนิคต่างๆ ซะเลย

คอร์สนี้สอนโดย Colt McAnlis ทีมนักพัฒนาของกูเกิล และเปิดให้เรียนฟรีบนเว็บไซต์ Udacity โดยเนื้อหาที่สอนครอบคลุมทั้งเรื่องการเรนเดอร์กราฟิก การจัดการหน่วยความจำ และการสร้างแอพไม่ให้กินแบตเตอรี่ ระยะเวลาการเรียนประมาณ 4 สัปดาห์ ผู้เรียนควรมีพื้นฐานการพัฒนาแอพบน Android และการใช้ Git/GitHub มาก่อน

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องการปรับแต่งประสิทธิภาพบน Android สามารถดูวิดีโอชุด Android Performance Patterns โดยผู้สอนคนเดียวกันประกอบได้

ที่มา - Udacity, Android Developers Blog ผ่าน Blognone

โดย Little Bear on 4 เม.ย. 58 00:08

เครดิตภาพจาก www.aommoney.com

ได้อ่านบทความ 3 ตัวช่วย รวยด้วยหุ้นเทคนิค ที่ ออมมันนี่ เขียนเอาไว้ อ่านแล้วมองเห็นภาพอะไร ๆ ได้ดีขึ้นมาอีกเยอะ เลยขอเก็บเองลิงก์มารวบรวมไว้อีกรอบนะครับ

ตอนที่ 1 ทำความรู้จักกับ Indicators

ตอนที่ 2 ทำความรู้จักกับ EMA

ตอนที่ 3 วิธีใช้งานเส้น EMA ที่ไม่ถูกต้อง

ตอนที่ 4 วิธีใช้งานเส้น EMA ที่ถูกต้อง

ตอนที่ 5-1 ทำความรู้จัก MACD

ตอนที่ 5-2 ทำความรู้จัก Signal Line และ MACD Histogram

ตอนที่ 6 วิธีใช้งาน MACD ที่ไม่ถูกต้อง

ตอนที่ 7 วิธีใช้งาน MACD ที่ถูกต้อง

ตอนที่ 8 ทำความรู้จัก RSI

ตอนที่ 9 วิธีใช้งาน RSI ที่ไม่ถูกต้อง

ตอนที่ 10 วิธีใช้งาน RSI ที่ถูกต้อง

ตอนที่ 11 4 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ Indicators ที่มือใหม่ต้องรู้

ตอนที่ ? เจาะลึก indicator ยอดฮิต ตอนที่ 4 "RSI"

โดย Little Bear on 30 มี.ค. 58 15:22

หลังจากที่ตามหาวิธีการมาเนิ่นนาน วันนี้ก็ค้นหาจนเจอและทำการ repartition จนเสร็จเรียบร้อย ได้ system storage มาเป็น 3.5 GB

สรุปวิธีการคร่าว ๆ คือ

  1. ดาวน์โหลดไฟล์จาก www.mediafire.com หรือ www.dropbox.com
  2. แตกไฟล์แล้ว copy ไปไว้ใน SD-Card ของโทรศัพท์
  3. ติดตั้ง Framaroot สั่ง run และทำการ root
  4. reboot
  5. ติดตั้ง Mobileuncle แล้วลง recovery image ชื่อ recoveryU707.img
  6. reboot เข้าสู่ recovery mode แล้ว ติดตั้ง OPPO-U707-PhanVung-by_GeniusTeam.zip ทำตามขึ้นตอนและเลือกขนาดของ partition
  7. wipe data/cache
  8. reboot จบ

ลองดูรายละเอียดที่สมบูรณ์ได้ที่ สอนวิธีการเพิ่มหน่วยความจำเครื่อง สำหรับ Find way S หรือดูวีดิโอได้ที่ ขั้นตอนและวิธีการเพิ่มหน่วยความจำเครื่อง สำหรับรุ่น Oppo Find Way s เท่านั้นนะครับ

โดย Little Bear on 6 มี.ค. 58 12:04

ผมเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่ ไม่ได้เรื่องในงานดีไซน์ พยายามอ่าน พยายามลองผิดลองถูกมาก็หลายรอบ

คราวนี้มาเริ่มต้นเรียนรู้รอบใหม่กันอีกรอบด้วย [Graphic Design] กราฟฟิกดีไซน์กับจิตวิทยามนุษย์ ซึ่งผู้เขียนที่ www.designil.com บอกกว่าจะเขียนให้อ่านถึง 7 ตอน ผมขอนำมาเก็บรวบรวมไว้สำหรับผู้ที่สนใจนะครับ

ตอนต่อไปกรุณารอก่อน หากลงเว็บเมื่อไหร่ค่อยนำมาอัพเดทให้นะครับ

แถมด้วย เว็บไซท์ที่มีนักเชี่ยวชาญด้านการออกแบบโทนสี จัดสรรโทนสีให้กับนักดีไซน์เนอร์ทั้งมือใหม่และผู้ที่คิดโทนสีไม่ออก ที่มีประโยชน์มากในการเลือกโทนสีสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดในการเลือกสี

โดย Little Bear on 5 มี.ค. 58 13:40

เคยอ่านหนังสือมาก 2-3 เล่มแล้ว เคยลองเขียน app แบบง่าย ๆ แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่คล่อง

โจทย์ที่จะให้ทำก็เริ่มมีหลายโจทย์เข้ามา ปีนี้คงเป็นปีที่ต้องลุยเรื่อง app android อย่างจริงจัง

แต่ก่อนอื่น เริ่มต้นด้วยการ "เรียนรู้การเขียนแอพ Android สไตล์ Front-end Web Developer" ก่อนก็คงจะดี เพราะอ่านแล้วเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ ลองตามไปศึกษากันดูได้ที่ www.siamhtml.com นะครับ

โดย Little Bear on 10 ก.พ. 58 14:22

Boox C67 - E-Book reader ที่น่าสนใจ นับเป็น e-book reader ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง

ประการแรก มันเป็น Android ทำให้เราสามารถลง app เพิ่มเติมได้ง่าย ไม่ต้องวุ่นวาย root เครื่อง (ที่เคยทำกับ Nook มาแล้ว แถมออกมาไม่ค่อยดีอีกต่างหาก)

ประการที่สอง มันใช้อ่านหนังสือได้ถึง 2-4 อาทิตย์ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่โอเคเลย

ส่วนข้อเสียที่เห็นคือ

  • จอละเอียดต่ำไปหน่อย 1024x768 ยรปำส
  • ราคาออกจะแพงไป ถึง 5990 บาท น่าจะถูกกว่านี้หน่อย สัก 3000 เป็นไง

หากวันหนึ่ง สเปคปรับขึ้นไปอีกหน่อย ราคาลดลงอีกหน่อย ได้เสียเงินแน่ ๆ

ก่อนซื้อลองไปดูรายละเอียดได้ที่ www.hytexts.com

โดย Little Bear on 28 ม.ค. 58 09:12

บริษัท Qualys รายงานบั๊กในไลบรารี glibc ให้ชื่อช่องโหว่ว่า GHOST (CVE-2015-0235) มีความร้ายแรงระดับสูงมาก กระทบลินุกซ์ตั้งแต่ปี 2000 และสามารถยิงช่องโหว่นี้ได้จากระยะไกล บั๊กนี้แก้ไขไปแล้วตั้งแต่สองปีก่อน แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นบั๊กความปลอดภัยร้ายแรงเนื่องจากยังไม่มีรายงานว่าสามารถอาศัยบั๊กนี้โจมตีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ได้

ช่องโหว่นี้เป็นบั๊กของฟังก์ชั่น gethostbyname และ gethostbyname2 ของ glibc ตั้งแต่เวอร์ชั่น 2.2 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไป ความร้ายแรงของบั๊กนี้อยู่ที่การรันบั๊กจากระยะไกลได้ง่าย เพราะฟังก์ชั่นทั้งสองฟังก์ชั่นมักใช้งานในเซิร์ฟเวอร์อยู่แล้ว ทีมงานสามารถสร้างอีเมลที่มุ่งร้ายขึ้นมาเพื่อส่งเข้าไปรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้สำเร็จ เพียงแค่ส่งอีเมลเข้าเมลเซิร์ฟเวอร์

สำหรับคนที่ติดตั้งลินุกซ์ที่ใช้ glibc รุ่นตั้งแต่ 2.18 เป็นต้นไป (ออกเมื่อกลางปี 2013) จะไม่ได้รับผลกระทบจากบั๊กนี้อยู่แล้ว แต่เนื่องจากการแก้บั๊กไม่ได้เป็นการแก้ด้านความปลอดภัย คนที่ใช้ลินุกซ์รุ่นที่ออกก่อนหน้านั้นอาจจะไม่ได้รับแพตช์ โดยรุ่นที่มีบั๊กแต่ยังไม่ได้แพตช์ เช่น Debian 7, RHEL 6 และ 7, CentOS 6 และ 7, และ Ubuntu 12.04 เป็นต้น ผู้ดูแลระบบทุกคนควรรีบตรวจสอบและอัพเดตเมื่อผู้ผลิตปล่อยแพตช์ออกมาครับ

ทาง Qualys รายงานโค้ดทดสอบบั๊กเอาไว้ด้วย สามารถนำไปคอมไพล์ทดสอบบั๊กกันได้

ชื่อบั๊กเป็นการย่อมาจากคำว่า GetHOST

ที่มา - Qualys ผ่าน Blognone.com

โดย Little Bear on 8 ม.ค. 58 21:55

ข้อที่ 1: เทรดโดยไม่มีหลักการ

“ถ้าคุณไม่เข้าใจว่าทำไมคุณถึงซื้อหุ้นตัวนั้น คุณก็จะไม่รู้ว่าควรขายมันตอนไหน ซึ่งนั่นมักจะทำให้คุณขายหุ้นทิ้งตอนที่ราคาของมันทำให้คุณกลัว ทั้งๆที่โดยส่วนมากแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกลัวราคาหุ้นในขณะนั้น มันคือโอกาสซื้อ ไม่ใช่จุดบ่งชี้ว่าคุณควรขายมันทิ้ง” – Martin Taylor –

ถ้าคุณไม่มีจุดยืน คุณก็ไม่มีแก่นหรือสิ่งใดให้ยึดถือปฏิบัติ ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายว่าจะไปที่ใด คุณก็ไม่มีวันไปถึงจุดหมาย… จงกำหนดหลักการ วางแผนการลงทุน และทำตามแผนที่คุณวางไว้เสมอ เพราะถ้าคุณไม่มีแผนการของตนเอง คุณก็จะต้องตกอยู่ในแผนการของคนอื่น

ข้อที่ 2: เข้าซื้อหุ้นไม้ใหญ่เกินไป (Trading too big)

“นักลงทุนมักจะให้ความสำคัญเกือบทั้งหมดไปที่จุดเข้าซื้อ (entry price) ทั้งๆที่โดยส่วนมากแล้ว ขนาดของ lot (entry size ) ในแต่ละครั้งมีความสำคัญกว่าจุดเข้าซื้อ เพราะหาก entry size แต่ละครั้งใหญ่มากเกินไป เวลาที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยสำคัญ มันก็มักจะทำให้คุณกลัวและอกออเดอร์ก่อนทั้งที่ยังมีแนวโน้มดีนั้นทิ้งไป ดังนั้น ยิ่งขนาดของ lotใหญ่มากไปเท่าไร ความกลัวจะเข้ามาครอบงำการตัดสินใจของคุณ แทนที่จะตัดสินใจจากแผนการและประสบการณ์ที่พิจารณาอย่างดีแล้ว” – Steve Clark –

การเทรดครั้งเดียวใน lot ที่ถือว่ามีสัดส่วนที่เยอะของพอร์ต จะทำให้คุณขายหมูเพราะความกลัวของคุณ ไม่ใช่เพราะระบบลงทุนของคุณบอกให้ขาย ดังนั้น ก่อนที่จะเทรด คุณควรกำหนดจำนวนเงินที่คุณสามารถยอมรับขาดทุนได้ให้อยู่ในระดับที่ไม่เสี่ยงมากไป ตัวอย่างเช่น เงินในพอร์ตมี 1000$ คุณยอมรับขาดทุนได้ 200$/ครั้ง โดยที่จุดตัดขาดทุนของคุณคือ เมื่อราคาทะลุแนวต้านล่าสุดของเมื่อวานไป

ข้อที่ 3: ซื้อขายมากเกินไป (Overtrading)

การที่เราจะเทรดบ่อยขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับแนวทางการลงทุนของเรา แต่ไม่ว่าคุณจะใช้แนวทางลงทุนแบบไหนก็ตาม การซื้อขายน้อยครั้งย่อมดีกว่าเสมอ (less is more) อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิดไป เพราะไม่ว่าคุณจะทำการบ้านหรือเตรียมตัวมาอย่างดีแค่ไหนก็ตาม แต่กราฟนั้นก็มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอยู่บ่อยๆ ดังนั้น คุณควรจะมีไอเดียหรือกราฟที่จะเลือกลงทุนมากกว่า 1 ตัวอยู่เสมอ แต่การที่คุณซื้อๆขายๆในค่าเงินทุกตัวที่เกิดสัญญาณ ทำให้เงินลงทุนและพลังงานของคุณถูกกระจายออกไปในกราฟหลายตัวมากจนเกินไปนั้น คงไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดนัก

คุณควรยึดมั่นอยู่กับสิ่งที่คุณรู้และเข้าใจ เลือกใช้วิธีการที่คุณทำแล้วได้ผล อย่าหลงไปตามกระแสข่าวลือหรือการลงทุนที่คุณไม่ได้เปรียบ และหลีกเลี่ยงการลงทุนใดๆก็ตามที่คุณไม่ได้มีความเข้าใจในสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ในบางครั้ง การเทรดที่ดีที่สุดก็คือ การไม่เทรดเลย และตั้งมั่นอยู่ระบบที่เราถือ” ผมรู้ดีว่าในช่วงตลาดกระทิงดุนั้น มันมีสิ่งที่เย้ายวนใจมากที่จะทำให้คุณเทรดบ่อยครั้ง เมื่อกราฟเกือบทุกตัวขึ้นไปทะลุ High เดิม คุณรู้สึกเหมือนเด็กที่อยู่ในร้านขนมหวานแล้วไม่รู้จะเลือกหยิบขนมชิ้นไหนดี จงเลือกกราฟเพียงไม่กี่ตัวในจังหวะเวลาที่เหมาะสม อย่าพยายามที่จะไล่เทรดทุกตัว เพราะคุณไม่สามารถทำได้ (ยกเว้นว่าคุณเป็นคอมพิวเตอร์!!!)

เบื้องหลังของความผิดพลาดในข้อที่ 2 และ ข้อที่ 3 มักจะเกิดจากความมั่นใจที่มากเกินไปถึงแม้้ว่าความมั่นใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการทำตามแผนและระบบลงทุนของคุณ แต่ถ้ามีความมั่นใจที่มากเกินพอดี (Overconfidence) มันจะก่อให้เกิดผลเสีย เพราะความมั่นใจที่มากเกินไปนั้น เป็น 1 ในเหตุผลสำคัญที่ว่า ทำไมนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่มีประสบการณ์จึงยังสามารถขาดทุนได้

เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่า ความสำเร็จของคุณในตลาดมาจากการที่คุณเป็นอัจฉริยะ ไม่ได้มาจากความคิดที่รอบคอบและไตร่ตรองอย่างระมัดระวังในการลงทุน ก็เท่ากับว่าคุณใกล้ถึงเวลาที่จะขาดทุนแล้ว

ข้อที่ 4: เฝ้าดูกราฟมากเกินไป (Watching your stocks too closely)

“การเฝ้ามองกราฟบนหน้าจอทั้งวันนั้น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆและเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ผมเชื่อว่าการเฝ้าดูทุกคำสั่งซื้อขายจะทำให้คุณขายหมูก่อนเวลาอันควร และ มักทำให้คุณ buy ในราคาที่สูงเกินไปหรือ sell ในราคาที่ต่ำเกินไปของวันนั้น รวมถึงทำการ Overtrading ผมแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการเฝ้ามองกราฟตลอดเวลา และหันไปทำสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการลงทุนและต่อตัวของคุณเองในช่วงเวลาซื้อขาย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านั้น” - Steve Clark –

“หากคุณใช้เวลาอยู่ในร้านตัดผมสักพักหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็วคุณจะคิดว่าคุณต้องตัดผม ทั้งๆที่คุณหัวล้าน” – Warren Buffett –

การเฝ้ามองกราฟอย่างใกล้ชิดจะทำให้เกิดผลเสียต่อผลตอบแทนของคุณ เมื่อคุณเข้าเข้าเทรดแล้ว คุณไม่ควรซื้อขายเพียงเพราะเห็นคำสั่งซื้อขายเล็กๆน้อยๆที่สวนทางกับ Position ของคุณ การเฝ้ามองกราฟมากเกินไปนั้น ก็เปรียบเหมือนคุณนั่งอยู่ในร้านเบเกอรี่แสนอร่อยขณะที่คุณกำลังลดความอ้วน ดังนั้น คุณควรหาสิ่งอื่นทำแทนที่จะนั่งเฝ้าดูกราฟทั้งวัน อย่างเช่นการอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย หรือ อะไรก็ตามที่ทำให้ไม่ต้องยุ่งกับการดูราคาหุ้นระหว่างวันมากเกินไป หากคุณยังสงสัยอยู่ว่า ก็ผมเป็นเทรดเดอร์แล้วจะไม่ให้เฝ้าหน้าจอได้อย่างไร? ผมขอทิ้งท้ายไว้ด้วยคำคมของ โซรอส นะครับ ลองเอาไปเปรียบเทียบกับการเทรดดู

“ถ้าคุณออกไปทำงานทุกวัน เพียงเพราะคิดว่าคุณต้องทำอะไรซักอย่าง ผลก็คือ มันทำให้คุณมักจะทำสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรเพื่อไม่ให้เบื่อไปวันๆ ซึ่งผมคิดว่าคุณควรจะอยู่เฉยๆดีกว่า ปกติแล้วผมจะไปทำงานเฉพาะเวลาที่มีงานให้ทำ ในเวลาที่มันควรค่าแก่การทำจริงๆ ผลก็คือ ผมเรียนรู้ที่จะสามารถแยกแยะได้ว่า วันไหนที่มีงานสำคัญกว่าวันอื่นๆ และรู้ว่าเวลาไหนที่ควรมุ่งมั่นกับงานเป็นพิเศษ”

Credit www.thaiforexschool.com ศ.เกื้อกุล วัยรุ่นพันล้าน

โดย Little Bear on 6 ม.ค. 58 11:51

ASUS เปิดตัว Zenfone 2 และ Zenfone Zoom สองทายาทของสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดของ ASUS

ถัดจากงานแถลงข่าวของ LG ค่ายต่อมาที่มีงานแถลงข่าวก็คือ ASUS ที่ประกาศเปิดตัวสองผู้สืบทอดของหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดในโลกเมื่อปีที่แล้วอย่าง ASUS ZenFone ในชื่อ ASUS Zenfone 2 และ ASUS Zenfone Zoom

ในด้านการออกแบบ Zenfone 2 มาพร้อมกับการออกแบบในรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด และมีมิติที่ตื้นลึกมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับการปรับปรุงคุณภาพในหลายๆ จุดจากรุ่นที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพของหน้าจอทัชสกรีนไม่ให้มีการหน่วงเวลาเมื่อทัช (Zero-lag input) ปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่มากขึ้น และเพิ่มมุมมองของจอเป็น 72% (เมื่อเทียบกับ iPhone 6 Plus ที่มีมุมมองเพียง 63.8% จอ ZenFone 2 จะมีขนาดใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดในตัวเครื่องที่เล็กกว่าและมีขนาดจอที่เท่ากัน) เพิ่ม ZenMotion สำหรับใช้ควบคุมตัวเครื่องด้วยการสั่งการแบบท่าทาง และท้ายที่สุดคือ ZenUI 2 ที่ปรับปรุงให้ตรงใจผู้ใช้มากขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนฐานไปรันบน Android 5.0 Lollipop

ส่วนการออกแบบ Zenfone Zoom นั้นจะคล้ายๆ กับการออกแบบ Zenfone 2 แต่เปลี่ยนโมดูลกล้องชุดใหญ่ให้คล้ายกับของ Nokia Lumia 1020 ซึ่ง ASUS เคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟนติดกล้อง optical zoom ที่มีขนาดบางที่สุดในโลก และจะเพิ่มความสามารถของกล้องให้ทัดเทียมกับกล้องระดับ DSLR เข้ามามากขึ้น

ส่วนสเปคทางเทคนิคทั้งสองรุ่นมีสเปคพื้นฐานเหมือนกันทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันตรงที่กล้อง ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้ครับ

  • หน่วยประมวลผล Intel Atom Z3580 แบบควอดคอร์ 64 บิต ความเร็ว 2.3 GHz
  • Zenfone 2 แยกรุ่นขายระหว่างแรม 2GB และแรม 4GB, Zenfone Zoom ไม่ระบุว่ามีแรมเท่าไหร่
  • หน้าจอ AH-IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 1920*1080 พิกเซล ความสว่าง 400 cd/m2
  • กล้อง Zenfone 2 ตัวหลักมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บนเทคโนโลยี PixelMaster มีค่ารูรับแสง f/2.0 และมี Zero Shutter Lag กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล บนเทคโนโลยี PixelMaster
  • กล้อง Zenfone Zoom ตัวหลักมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล บนเทคโนโลยี PixelMaster มี Optical Zoom 3 เท่า, OIS, โฟกัสด้วยเลเซอร์ กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล บนเทคโนโลยี PixelMaster
  • รองรับสองซิมแบบแอคทีฟทั้งคู่
  • รองรับ LTE Cat-4
  • แบตเตอรี่ 3000 mAh และมีระบบ Fast Charging สามารถชาร์จแบตที่ 0-60% ได้ในเวลาเพียง 39 นาที

ASUS ระบุว่าจะเริ่มวางขาย Zenfone 2 ในเดือนมีนาคมนี้ที่ราคาเริ่มต้น 199 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วน Zenfone Zoom จะเริ่มวางขายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ที่ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ ครับ

ที่มา - ASUS CES 2015 Event, The Next Web, The Verge ผ่าน Blognone.com

โดย Little Bear on 6 ม.ค. 58 11:41

ยังปล่อยของไม่หมดสำหรับ Lenovo ที่เพิ่งเปิดตัวโน้ตบุ๊กไลน์ใหม่ไปหลายรุ่น ล่าสุดเปิดตัวโน้ตบุ๊กซีรีส์ใหม่ LaVie ที่มาพร้อมกับการท้าชิงตำแหน่งโน้ตบุ๊กที่บางเบาสุดในโลกด้วยน้ำหนักเริ่มต้นเพียง 780 กรัมเท่านั้น

พร้อมกับเปิดตัวซีรีส์ใหม่ Lenovo ได้เผยโฉมเครื่องจริงมาทั้งสิ้น 2 รุ่นคือ LaVie Z HZ550 ที่เป็นอัลตร้าบุ๊ก และ LaVie Z HZ750 ที่สามารถพับได้มากกว่า (หนักกว่าเช่นกัน) โดยทั้งสองรุ่นใช้วัสดุหลักเป็นแมกนีเซียมลิเทียม ซึ่ง Lenovo เคลมว่าเบากว่าอะลูมิเนียม 50% เบากว่าแมกนีเซียม 30% แต่ให้ความแข็งแกร่งในระดับเดียวกัน โดยความบางไม่หวือหวานักที่ 16.9 มม.

สเปคของทั้งสองรุ่นต่างกันพอสมควร LaVie Z HZ550 เป็นอัลตร้าบุ๊ก ใช้ซีพียูรหัส Broadwell-U หน้าจอขนาด 13" แบบ IGZO ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ใช้ SSD 128GB และแรม 4GB ส่วน LaVie Z HZ750 เป็นโน้ตบุ๊กหมุนจอได้ 360 องศา โดยเลือกใช้ซีพียูรุ่นแรงกว่าของ Broadwell มีแบตเตอรี่จุมากกว่า 50% แต่สเปคอื่นๆ เท่ากัน

สำหรับราคาของทั้งสองรุ่นเปิดมาที่ 1,299 เหรียญ (ประมาณ บาท) สำหรับ LaVie Z HZ550 และ 1,499 เหรียญ (ประมาณ บาท) สำหรับ LaVie Z HZ750 โดยจะเริ่มขายเดือนพฤษภาคมนี้ครับ

ที่มา - Tom's Hardware ผ่าน Blognone.com

603 items|« First « Prev 10 11 (12/61) 13 14 Next » Last »|